เพชรเม็ดงาม ดึงดูดสายตาแก่ผู้หลงใหลในอัญมณีมาหลายยุคสมัย และไม่เสื่อมค่าแม้เวลาผ่านไป และเพชรไม่ได้มีราคาแพงสุดเอื้อมอย่างที่หลายๆ คนเคยเข้าใจ
อย่างไรก็ตาม เพชรยิ่งมีคุณภาพดี ยิ่งหายาก และราคาก็จะทวีสูงขึ้นไปอีกค่ะ
รูปทรงของเพชร
เพชรมีรูปทรงมากมายหลายแบบ ขึ้นอยู่กับรูปร่างของผลึกเพชรที่ยังไม่ได้เจียระไน ซึ่งรูปทรงที่นิยมนำมาทำเป็นเครื่องประดับ ได้แก่ ทรงกลม (Round Brilliant) รูปไข่ (Oval) มาคีส์ (Marquise) หยดน้ำ (Pear) หัวใจ (Heart) เหลี่ยมมรกต (Emerald) เหลี่ยมจัตุรัส (Princess)
รู้จัก 4 คุณลักษณะของเพชร (4C)
1. Carat – น้ำหนักและขนาด
เพชรน้ำหนัก 1 กะรัต จะแบ่งเป็น 100 สตางค์ ดังนั้นเพชรขนาด 0.75 จึงมีน้ำหนักเท่ากับ 75 สตางค์ ขนาดกะรัตเป็นตัวตัดสินมูลค่าเพชรที่เด่นชัดที่สุด แต่เพชร 2 เม็ดที่มีขนาดกะรัตเท่ากัน อาจมีมูลค่าแตกต่างกันมากก็ได้ค่ะ ขึ้นอยู่กับการเจียระไน สี และความใสสะอาดของเนื้อเพชร
เดิมเพชรดิบ เดิมมักจะมีรูปร่างไม่สวยงาม ต้องนำมาผ่านการเจียระไนส่วนที่เป็นตำหนิมากๆ ออกไปก่อน จนได้เป็นเพชรร่วง ซึ่งช่างจะพยายามรักษาน้ำหนักของเพชรให้ได้มากที่สุด เพชรยิ่งมีขนาดใหญ่ก็ยิ่งหายาก เพชรที่คุณภาพดีก็ยิ่งหายากมากขึ้นไปอีกด้วย
2. Color – สีของเพชร
เพชรตามธรรมชาติจะมีหลายเฉด ไล่ตั้งแต่ขาวใสไร้สี ซึ่งหายากและมีค่ามากที่สุด ไปจนถึงเหลืองจางๆ โดยมีเฉดสีอ่อนแก่ระหว่างกลางมากมาย เพชรยิ่งมีสีน้อยเท่าไหร่ ก็ยิ่งอำนวยให้แสงสีขาวสามารถวิ่งผ่านเนื้อในได้สะดวก และสะท้อนประกายไฟสีรุ้งบนผิวหน้าเพชรได้สวยงามมากขึ้นเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เรื่องสีเป็นเรื่องของรสนิยม ความชอบส่วนตัวของแต่ละบุคคลค่ะ
ความแตกต่างของเพชรระดับไร้สี (D, E, F Color) หรือเกือบไร้สี (G, H, I, J) มีความแตกต่างค่อนข้างน้อยมากๆ
และจากประสบการณ์การขายเพชรของทางร้าน เพชรที่ซื้อแล้วคุ้มค่าที่สุด อาจไม่ใช่เพชรที่สีขาวสุดเสมอไป หากเพชรมีความสะอาดมาก การเจียระไน และสัดส่วนดี ก็ทำให้เพชรมีแสงสะท้อนที่ดี และทำให้เพชรดูขาวมากขึ้นด้วยค่ะ
3. Clarity – ความสะอาดของเนื้อเพชร
เพชรส่วนมากบนโลกนี้จะมีริ้วรอยตำหนิเล็กน้อย เปรียบเสมือนลายนิ้วมือธรรมชาติตามเอกลักษณ์ของเพชรแต่ละเม็ด เพชรที่มีตำหนิ ริ้วรอยน้อยเท่าไหร่ แสงก็จะผ่านได้มากขึ้น ยิ่งส่องประกายเจิดจ้าสะดุดตามากขึ้น ซึ่งวิธีพิจารณาความสะอาดของเนื้อเพชร ต้องใช้กล้องขยาย 10 เท่า และตรวจสอบโดยสายตาผู้เชี่ยวชาญอย่างนักอัญมณีศาสตร์เท่านั้น
ปัจจุบันมีสถาบันที่มีการออกใบรับรองคุณภาพ (หรือที่เรียกกันติดปากว่าใบเซอร์) ที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากลให้กับเพชรและอัญมณีหลายที่ได้แก่ GIA, HRD, IGI, AGS โดยเพชรที่นิยมออกใบเซอร์ จะเป็นเพชรที่มีขนาดใหญ่กว่า 0.30 ct. ขึ้นไปค่ะ
ความสะอาดของเพชร ที่ใช้พิจารณาภายใต้กล้องขยาย 10 เท่า จะเริ่มจาก
– FL/IF (Flawless/Internal Flawless) – ไร้ตำหนิ
– VVS1, VVS2 (Very Very Slightly Included) – มีตำหนิเล็กมากๆ ตำหนิชนิดนี้ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ต้องส่องภายใต้กล้องขยาย 10 เท่า เท่านั้นจึงจะเห็น ขนาดผู้เชียวชาญยังต้องใช้เวลาส่องแล้วส่องอีกถึงจะเจอค่ะ
– VS1, VS2 (Very Slightly Included) – มีตำหนิเล็กมาก ตำหนิชนิดนี้ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ต้องส่องภายใต้กล้องขยาย 10 เท่า เท่านั้นจึงจะเห็น
– SI1, SI2 (Slightly Included) – มีตำหนิเล็ก ตำหนิชนิดนี้ยังคงไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่เห็นได้ง่ายภายใต้กล้องขยาย 10 เท่า
– I1, I2, I3 (Imperfect) – ตำหนิขนาดใหญ่ มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ซึ่งมีผลต่อความแข็งแรงของเพชร
4. Cut – เจียระไน
หลายคนเคยสับสนระหว่างการเจียระไนกับรูปทรงของเพชร ที่จริงแล้ว การเจียระไนเพชรจะหมายถึงการจัดวางหน้าเหลี่ยมต่างๆ ของเพชร ถ้ากล่าวว่าเพชรเจียระไนดี ไม่ว่าจะเป็นรูปทรงใด จะหมายถึงฝีมือการเจียระไนเหลี่ยมที่ถูกต้องได้สัดส่วนของช่างเจียระไน เพชรที่เจียระไนดีจะมีการเล่นแสงได้ระยิบระยับแพรวพราว